REVIEW VANGUARD VEO3+ 263AP :
THE ULTIMATE PROFESSIONAL TRIPOD
VANGUARD แบรนด์จากสหรัฐอเมริกากับประสบการณ์การออกแบบที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับคำแนะนำจากช่างภาพทั่วโลกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 30 ปี ทั้งกระเป๋ากล้อง กล้องส่องทางไกล และขาตั้งกล้อง ในวันนี้ผลิตภัณฑ์ขาตั้งกล้องซีรีย์ VEO3+ (วีโอ สาม พลัส) ที่กำลังได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากในวงการถ่ายภาพเริ่มจัดจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว มาติดตามรีวิวเจาะลึกฟังก์ชั่นการใช้งานแต่ละจุดของขาตั้งกล้องซีรีย์ VEO3+ กันว่าทางVanguard จะเปย์อะไรมาให้นักถ่ายภาพได้มีความสุข และสนุกกับการใช้งานบ้าง…
ถอดรหัสขาตั้งกล้อง VEO3 + SERIES :
ก่อนจะไปทราบรายละเอียดส่วนต่างๆของขาตั้ง มาทำความเข้าใจรหัสแต่ละตัวก่อนว่ามีความหมายอย่างไรบ้าง
26 หมายถึง ขนาดท่อท่อนแรก(Top Tube Diameter) ของขาตั้งรุ่นนั้นๆ ดังนั้นเลข 26 จึงบอกว่าขาตั้งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 26มม.
3 หมายถึง จำนวนท่อน(Leg Section) ของขาตั้งรุ่นนั้น เลข 3 จึงบ่งบอกว่ามีจำนวน 3 ท่อน
A ย่อมาจากคำว่า Aluminum Alloy (อลูมินั่ม อัลลอยด์) หมายถึง วัสดุที่ใช้ในการผลิตขาตั้งรุ่นนั้นๆ
P ย่อมาจากคำว่า Pan Head หมายถึง ลักษณะหัวขาตั้ง แบบแพนสามทาง (3- Way Pan Head)
VEO 3+ 263AP มีความพิเศษอย่างไรบ้าง
ขาตั้งกล้องรุ่น VEO 3+ 263AP ประกอบด้วยขาตั้ง รุ่น VEO3+ และหัวรุ่น VEO 2 PH-38 โดยขาตั้งรุ่นนี้มีฟังก์ชั่นการทำงานโดดเด่นที่ได้รับการพัฒนามาจากซีรี่ย์ Alta Pro เรียกว่าระบบ Multi Angle Central Column หรือเรียกย่อๆว่า MACC ฟังก์ชั่นนี้จะสามารถปรับเปลี่ยนแกนกลาง(Central Column) ให้ใช้งานได้หลากหลายหน้าที่ควบคุมด้วย MACC FLIP LOCK เพื่อปรับให้แกนกลางเปลี่ยนจากการทำงานในแนวดิ่ง (Vertical) ที่เหมือนขาตั้งทั่วไปอย่างรวดเร็ว(Quick Stablit) ให้มีความอเนกประสงค์ในการใช้งานแนวนอน(Horizontal) เหมาะสำหรับการถ่ายภาพจากมุมสูง หรือการติดตั้งอุปกรณ์เข้ากับขาตั้งมากกว่าหนึ่งตัว อาทิ การถ่ายภาพมาโคร การถ่ายภาพงานรับปริญญาบัตร การถ่ายทอดรายการสด(Live) นอกจากนั้นแกนกลางที่มีสกรีนเส้นบอกระยะยังสามารถถอดออกไปประกอบกับขาตั้งข้างหนึ่ง เพื่อเปลี่ยนหน้าที่แยกไปเป็น Monopod มันจึงสะดวกต่อการพกพาตัวเดียว แต่ไปปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานที่หน้างานได้เป็นอย่างดีคุ้มค่าต่อการสะพายน้ำหนัก 2.63 กิโลกรัมไปด้วย
Van Tech – Diamond Cutting Tech เป็นเทคโนโลยีในการตัดชิ้นงานให้เกิดความมันวาว และผ่านการทำAnodized เพื่อให้ชิ้นส่วนที่ทำจากวัสดุอลูมินั่ม อัลลอยด์มีความคงทนไม่ผุกร่อนเป็นเหมือนการเคลือบผิวด้วยไฟฟ้าไม่ให้เกิดออกไซด์กับอากาศจนผิวดำ หรือมีคราบจับง่าย ดังนั้นนักถ่ายภาพจึงสามารถนำไปใช้ง่ายในที่อากาศเย็น กลางฝน หรือสภาพอากาศร้อนได้อย่างสบายใจ เพราะขาตั้งซีรีย์ VEO3+ ผ่านกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานสูงรองรับการใช้งานได้อย่างทนทาน พร้อมลุยทุกสถานการณ์ และถ้าสังเกตให้ดีบริเวณฐานเชื่อมต่อระหว่างแกนขาตั้งและหัว จะมีสัญลักษณ์ของ Vanguard อันสวยงามปรากฎอยู่
VEO 2 PH-38 เป็นหัวขาตั้งแบบแพนสามทาง ได้รับการออกแบบให้มีขนาดเบา แต่สามารถรับน้ำหนักได้ 6 กิโลกรัม ถือว่าเพียงพอต่อการรับน้ำหนักอุปกรณ์ในยุคนี้ได้สบาย ตัวด้ามจับ(Handle)ทั้งสองอันสามารถยืดปรับความยาวของก้านได้ด้วยการกดปุ่มที่ส่วนหน้าของด้ามจับ เหมาะแก่การพกพาเคลื่อนย้ายใส่ในกระเป๋า(Tripod Bag) ส่วนหัวด้านบนยังมีฟังก์ชั่นปรับหมุนมุมได้อีก 90องศา ทำให้รองรับการปรับควบคุมในพื้นที่จำกัด หรือปรับมุมในการเปลี่ยนฟังก์ชั่นการทำงานในแกนนอนได้สะดวก ส่วนฐานยึดเพลทแบบ Quick Release จะมีลักษณะเป็นเบ้าหลุม ติดตั้งระดับน้ำ(Bubble Level) คอยช่วยตรวจสอบระนาบของภาพ ถัดไปเป็นตัวล็อก(Knob Control)หมุนปรับมีขนาดใหญ่สำหรับบีบล็อกเพลท รุ่น QS-65 หรืออุปกรณ์ที่มีขนาดเดียวกับ Arca Design (58mm) ที่ฐานด้านล่างมีสกรีนบอกองศาหมุนได้รอบตัว 180 องศา จะถ่ายภาพแนวพาโนรามาก็ดูที่สกรีนมาร์คตำแหน่งได้สะดวก
แกะกล่องขาตั้ง VEO3+ 263AP ไปท่องโลกการถ่ายภาพ :
กล่องสีขาวขลิบสีส้มตามสไตล์แบรนด์นี้ แต่ละด้านของกล่องจะมีสเปค และฟังก์ชั่นการใช้งานให้เห็นเอาไว้ดูก่อนตัดสินใจเลือกด้วย พอเปิดกล่องจะเจอกับกระเป๋าขนาดพอดีกับขาตั้งทำจากวัสดุอย่างดีบุกันกระแทกแน่นหนาสามารถถือ หรือสะพายพกพาได้ เปิดซิปขนาดใหญ่เข้าไปจะพบกับขาตั้ง พร้อมอะแด๊พเตอร์ MA-1 ห่อกันเป็นรอยอย่างดี ด้านในข้างกระเป๋าจะมีช่องซิปใส่คู่มือ ตะขอถ่วงน้ำหนัก ขาจิกทราย 1 ชุด และประแจ 2 อัน ต้องบอกว่าแค่เปิดหยิบขาตั้งก็ประทับใจกับอุปกรณ์เสริมที่ไม่ต้องซื้อหาเพิ่มเพราะเค้าใจดีให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเลย
ระบบการล็อก และการปรับระดับขาตั้ง :
หยิบขาตั้งVanguard VEO3+ 263AP ออกมากางก็จะพบว่าเป็นขาตั้ง 3 ท่อน ขนาด 26มม.ใช้ระบบล็อกแบบหมุน (Twist Lock) ซึ่งหลายคนอาจรู้สึกว่าไม่ถนัดเท่าแบบคลิปล็อก (Flip Lock)หรือบานพับ แต่ต้องขอบอกว่าหากทำความเข้าใจจะทำให้คุณกางขาตั้งได้เร็ว และมีความหลากหลายในการใช้งาน โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย เวลาจะปลดล็อดเพื่อเปลี่ยนระดับความสูงถ้ามีกล้องติดตั้งอยู่ด้านบนมันจะค่อยๆลดระดับลงเหมือนเป็นขา Air Cushion เพราะเกิดแรงลมต้านในท่อแต่ละท่อน หากเป็นแบบคลิปล็อกเวลาปลดล็อกต้องคอยรั้ง ป้องกันขาท่อนนั้นจะไหลลงมาตามน้ำหนักอุปกรณ์ที่ถ่วงตามมาด้วย ความสูงก่อนกาง(Folded Length)จะอยู่ที่ 77.5 ซม. เมื่อกางสุดจะมีความสูง 148 ซม. และเมื่อรวมแกนกลางจะยืดสูงสุดได้ถึง 173.5 ซม. สำหรับสายก้มต่ำจะกางราบได้ถึง 12.5 ซม. การปรับระดับจะทำได้ 3 ระดับ คือ 23, 50, 80 องศา โดยใช้นิ้วโป้งกดด้านข้างแล้วกำมือช่วยกางออก..จุดนี้ออกแบบได้เข้ากับหลักสรีระศาสตร์มากๆ (Ergonomic) การกางนี้ก็มีระบบป้องกันการกางออกแบบไม่ตั้งใจด้วยการหุบขาก่อนทุกครั้งก่อนจะผลักออกเพื่อเปลี่ยนระดับการกางขาตั้ง และที่ขาสองข่างจะมีวัสดุ TPU หุ้มกริปอยู่เพื่อป้องกันความร้อน และความเย็น เวลาจับขาตั้งใช้งานในแต่ละสภาพอากาศก็จะไม่มีอาการสะดุ้ง…
ใช้งานระบบ Multi Angle Central Column (MACC) :
หัวใจของขาตั้งรุ่นนี้ที่อยากทดสอบก็คือ ความแข็งแรง และความคล่องตัวในการปรับแกนจากแนวดิ่งมาเป็นแกนนอนว่าจะทำได้รวดเร็ว และมีความสะดวกแค่ไหนเพราะในตลาดกลุ่มนี้มีขาตั้งไม่กี่รุ่นที่มีฟังก์ชั่นแบบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกันแต่จะมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแตกต่างกันมีทั้งจุดที่ทำได้ดีและจุดที่อยากให้พัฒนาในรุ่นต่อๆไป ซึ่ง VEO3+ จะพัฒนาในแนวทางที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆโดยใช้การปลดล็อกกลไกหลักก่อน(Flip Lock) แล้วจึงคลายล็อกแกนกลางให้สามารถดึงแกนพ้นจากตัวขา จากนั้นผลักให้โน้มไปข้างหน้า เพียงเท่านี้ก็พร้อมให้งานฟังก์ชั่นนี้ทันที การใช้งานหลักๆทำอะไรบ้าง
- การถ่ายภาพจากมุมสูง เพื่อก๊อปปี้ ถ่ายภาพสินค้า หรือการถ่ายภาพมาโคร
- รองรับการติดตั้งกล้องมากกว่า 1 ตัว เพื่อบันทึกภาพพร้อมกัน แต่แตกต่างมุม หรือบันทึกภาพคนละแนว เช่น ตัวหนึ่งถ่ายภาพนิ่งอีกตัวถ่ายวิดีโอ, ตัวหนึ่งถ่ายภาพนิ่ง อีกตัวถ่ายภาพ Time-lapse
- ติดตั้งอุปกรณ์เสริมอื่นสำหรับใช้ร่วมกัน เช่น จอLCD, ไมโครโฟน, อุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาน, โน้ตบุ้ค เพื่อใช้กับงานวิดีโอ
การกางขาตั้งเพื่อใช้ฟังก์ชั่น MACC ควรพยายาม Set Up ให้ขาตั้งข้างใดข้างหนึ่งค้ำไว้ ป้องกันไม่ให้คว่ำไปข้างหน้า หรือพยายามหาอะไรมาถ่วงน้ำหนักด้านตรงข้ามไว้ก็ได้ ถ้าใช้คู่กับ MA-1 ก่อนสวมให้สังเกตสัญลักษณ์กำกับบอกว่าให้สวมด้านไหนจะได้ดันผ่าน Secure Pin แล้วเวลาจะผลักกลับมาตัวอะแด๊พเตอร์จะไม่หลุดออกมาหากไม่กดSecure Pin หลบลงไปก่อน หรือเมื่อใส่อะแด๊พเตอร์เสร็จให้นำตะขอมาหมุนเกลียวปิดกันไว้อีกชั้นกันผิดพลาดทางเทคนิค
สำหรับการปรับฟังก์ชั่นเปลี่ยนเป็นMonopod ก็ทำได้รวดเร็วแค่คลายล็อกแกนกลางแล้วดึงออกมา จากนั้นหมุนขาข้างที่มีสัญลักษณ์ลูกกุญแจออกมาขันสกรูต่อกันก็ใช้ได้ทันทีจะมีความสูงก่อนยืด 102 ซม. และเมื่อยืดสูงสุดจะอยู่ที่ 183.5 ซม. เรียกว่าสูงเอาเรื่องอยู่ใครที่ชอบใช้เสาสูงถ่ายภาพจากมุมสูงน่าจะชอบ โดยอาศัยการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่นของกล้อง เราสามารถเห็นภาพจากจอแล้วสั่งกดชัตเตอร์ได้จากสมาร์ทโฟน แต่ต้องระวังเรื่องเกลียวในจุดเชื่อมต่อต่างๆควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนทุกครั้งว่าแน่นหรือยังเพื่อป้องกันความผิดพลาดร่วงหลุดลงมา ฟังก์ชั่นนี้ปัจจุบันเป็นที่นิยมมากเพราะเวลาเดินทางนั้นเราไม่ต้องพกขาหลายตัว พวกที่มีฟังก์ชั่นอเนกประสงค์ก็จะได้เปรียบหน่อย
ในส่วนของการใช้งานในที่เป็นพื้นทราย เราสามารถดึงยางที่สวมปิดปลายขาออกแล้วหมุนเกียวเพื่อใส่ขาจิกทราย (Spike Feet) เข้าไปแทนที่เพื่อให้ขาปักลงไปบนพื้นทรายอย่างมั่นคงไม่เกิดอาการไถลจนภาพขาดความคมชัด อันนี้เวลาไม่ใช้งานควรถอดเก็บไว้ในช่องซิปด้านในให้ดีมิฉะนั้นมีสิทธิ์หายได้เลยนะ…
สำหรับการนำไปใช้งานวิดีโอ บริเวณคอของขาจะมีเกลียว3/8” ให้สามารถนำMagic Armมาใส่เพื่อจับอุปกรณ์ได้อีกด้วย ใครนำไปใช้ทำLive จะหาอะแด๊พเตอร์มาติดสคริปท์ หรือไฟLEDขนาดเล็กก็ไม่เลวนะ
บทสรุปการใช้งาน VANGUARD VEO3+ 263AP :
จากการนำไปใช้งานรายละเอียดในแต่ละจุดทางVanguard พัฒนาจากรุ่นเดิมเยอะมาก แม้ภายนอกอาจจะเห็นว่าคล้ายๆกับรุ่นเดิม แต่มีการเพิ่มฟังก์ชั่นให้เกิดความหลากหลายและใช้ได้จริง เท่าที่คุยกับช่างภาพด้วยกันหลายคนจะชอบที่มีอะแด๊พเตอร์ MA-1 มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และยังสามารถซื้อมาสวมเพิ่มได้อีกในราคาน่าคบหามากๆนี่ถ้าสามารถนำไปใส่กับขาตั้งแบรนด์อื่นได้จะดีงามมาก เพราะล็อกได้เร็วจะติดกล้อง หรือนำหัวขาตั้ง หรือนำเพลทสไลด์ยาวๆมาดัดแปลงติดให้เหมาะกับงานแต่ละคนก็สามารถทำได้
ฟังก์ชั่น MACC แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่เอี่ยม แต่ก็พัฒนาบนแนวทางของตนเองได้อย่างน่าชื่นชม เพราะขาตั้งแนวนี้น่าจะเหมาะกับพวกบ้าพลัง หรือมีเรื่องให้ต้องต้องแบกอะไรไปพร้อมกันหลายๆอย่างการจะพกขาตั้งไปหลายตัวไม่ใช่เรื่องสนุกแน่นอน ดังนั้นความอเนกประสงค์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานนี้จึงให้ความลงตัวกับนักถ่ายภาพกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นทั้งขาตั้งสามขาปกติ โมโนพอด และยังติดอุปกรณ์เสริมรองรับกลุ่มช่างภาพวิดีโอที่ทุกวันนี้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว การถ่ายทอดสดไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกคนสามารถเข้าถึงและเป็นYoutuber / Reviewer / แม่ค้าออนไลน์ ได้ทุกคน … VEO3+จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆที่น่าสนใจในการลงทุนขาตั้งกล้องดีๆ แข็งแรงๆ สักตัวสำหรับงานที่ต้องการความเป็นมืออาชีพ ใครที่ชอบแบบหัวบอลก็มีเลือกในรุ่น 263AB และ263CB มีความแตกต่างเรื่องวัสดุอลูมินั่ม อัลลอยด์ กับคาร์บอนไฟเบอร์ และความสูงเล็กน้อย (ลองศึกษาสเปคก่อนตัดสินใจเลือกอีกทีที่ด้านล่างบทความนี้) เรื่องการใช้Monopod หลายคนอาจไม่ค่อยได้ใช้ แต่ถ้าคุณจะถ่ายภาพแนวแอ็คชั่น หรือต้องเดินไปถ่ายภาพไป โนโนพอดจะช่วยประคองเลนส์ให้ถ่ายเทน้ำหนักลงสู่พื้นได้ดี ช่วยลดอาการเมื่อยล้าได้ไม่น้อยทีเดียว แต่ย้ำว่าต้องขันสกรูให้แน่นในแต่ละจุดให้ดีเพราะอุปกรณ์มีน้ำหนักมากอาจเกิดการคลายเกลียวได้แบบไม่รู้ตัว นักถ่ายภาพมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์มักตกม้าในเรื่องนี้กันบ่อยๆ ส่วนหัวแพนใครไม่เคยใช้มาก่อนมาใช้ตัวนี้จะรู้เลยว่า หัวแพนยุคนี้มันเปลี่ยนไป เพราะฟังก์ชั่นการหมุนรอบตัว การยืดปรับความยาวล้วนเอื้ออำนวยต่อการพกพา และการใช้งานจริงๆ นอกจากนั้นตัวเพลทไซส์นี้ก็เป็นมาตรฐานของโลกไปแล้ว
หลังเสร็จการใช้งานทุกครั้งควรดูแลด้วยการเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือถ้าไปลงน้ำทะเลมาก็ควรรีบล้างด้วยน้ำจืดทันที เพื่อป้องกันคราบเกลือจับตัวในจุดล็อกต่างๆจนเกิดความเสียหาย หรือใช้ขาจิกทรายก็ถอดออกมาเช็ดทำความสะอาดก่อนเก็บ แล้วสวมยางกลับเข้าไปที่ปลายขาตามเดิม เพียงเท่านี้คุณก็จะมีขาตั้งกล้องเอาไว้ใช้ไปแบบยาวๆเป็นสิบๆปี
VANGUARD VEO3+ 263AP จึงเป็นขาตั้งแบบหัวแพน ที่โดดเด่นในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับการทำงานในแบบมืออาชีพที่ไม่ว่าคุณจะเป็นนักถ่ายภาพมือสมัครเล่น หรือมือาชีพ หากมีลักษณะงานที่ตรงกับที่รีวิวมาให้ชมกันแล้วล่ะก็อย่าลังเลที่จะตัดสินใจเลือก..เพียงเพราะรู้สึกว่ามันจะใหญ่สำหรับเราไปไหม เราอยากจะบอกว่า “ อย่ากลัวใหญ่เกินไป จงกลัวว่ามันเล็กเกินไปจะดีกว่า ” เพราะมันจะทำให้เสียโอกาสในการทำงานไปอย่างน่าเสียดาย
