GR Lover : กล้องที่เติมไฟในการถ่ายภาพ
Monamorn Sangkanong …คุณมนต์อมร สังคะนอง (หนู)
เริ่มต้นใช้กล้อง RICOH มาตั้งแต่ในรุ่น CX5 ด้วยความชื่นชอบในเรื่องของการควบคุมกล้องที่สะดวกในการปรับตั้งค่าแม้จะใช้งานด้วยมือเดียว สามารถตั้งค่าปุ่มต่างๆ ได้ง่าย และสามารถบันทึกชุดการตั้งค่าต่างๆ เก็บไว้ใช้งานทีหลังก็ได้ เรียกได้ว่าสามารถคัสตอมการควบคุมกล้องได้ตามสไตล์ที่เราใช้งานจนกล้องตัวนั้นเป็น “กล้องของเรา” ได้อย่างแท้จริง ความสามารถเหล่านี้เป็นเรื่องหลักที่ทำให้ผมยังคงเลือกใช้กล้อง RICOH อย่างต่อเนื่องมาหลายปี จนมาใช้กล้องในตระกูล GR ครั้งแรกในรุ่น GR (รุ่นปี ค.ศ. 2013) และล่าสุดก็ GR III ที่ใช้งานอยู่เป็นหลักในตอนนี้ ความสามารถพวกนี้ก็ยังคงอยู่ และดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย
นอกเหนือจากความยืดหยุ่นในการตั้งค่าแล้ว ยังมีฟังก์ชันเจ๋งๆ ที่หาได้ยากจากกล้องแบรนด์อื่น เช่น ฟังก์ชัน One Push AE in M Mode ที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้งานโหมดถ่ายภาพ M (Manual) มากๆ เพราะสามารถทำให้ค่าแสงกลับมาที่ค่าพอดีในสภาพแสงนั้นๆ ได้ในทันทีเพียงกดปุ่มเดียว
ที่จริงสมาร์ทโฟนก็สมัยใหม่ก็ถ่ายภาพได้ดี แต่ความสนุกแบบการได้ใช้กล้องจริงๆ มันไม่มีเลย ผมกลับพบสิ่งเหล่านี้ในกล้อง GR ทั้งยังให้ความสะดวกในการพกพาไม่แตกต่างจากการพกสมาร์ทโฟนอีกด้วย เวลาที่ผมไปออกทริปถ่ายภาพกับเพื่อนๆ หากใช้กล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ก็จะเลือกติดเลนส์ช่วงอื่นๆ ใช้งานไป แล้วพก GR III ไว้ใช้สำหรับภาพมุมกว้างโดยเฉพาะ เพราะคุณภาพที่ไว้ใจได้ พกพาง่าย และหยิบออกมาใช้งานง่ายกว่าที่จะพกเลนส์มุมกว้างเพิ่มอีกตัวหนึ่งด้วยซ้ำ ซึ่งเมื่อใช้งานในแนวทางแบบนี้ไปหลายๆ ครั้งก็พบว่า ในสถานการณ์หรือในซีนเดียวกันนั้น ภาพที่ได้จาก GR III กลับถ่ายทอดอารมณ์ในตอนนั้นแตกต่างไปจากกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ที่ใช้งานคู่กันอยู่ ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม บอกได้แต่เพียงว่าชอบ และรับรู้ได้ถึงความพิเศษที่กล้อง GR III ถ่ายทอดออกมา จนกลายเป็นกล้องที่ผมใช้งานเป็นประจำทุกวัน ไม่เคยวางลืมไว้ที่บ้านเลย
โดยเฉพาะถ้าไปเที่ยวต่างประเทศ ยังไงก็ต้องพกไปด้วยเสมอแม้แต่ในประเทศ หรือในสถานที่ที่ต้องลุยๆ หน่อย กลับกลายเป็นกล้อง GR นี่แหละ คือกล้องที่ใช้งานเยอะที่สุด และสะดวกที่สุดเมื่อเทียบกับกล้องตัวอื่นที่มีน้ำหนักมากกว่า หรือต้องมีขั้นตอนในการเตรียมเอาขึ้นมาถ่ายภาพมากกว่า
ในตอนต้นมีเกริ่นว่าใช้งานทุกวัน ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นการออกเดินทาง หรือไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ เลยครับ ช่วงนี้ใช้กล้องอยู่ที่บ้านเลย โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่เป็นอยู่ จึงได้ถ่ายภาพทุกๆ อย่างในบ้าน ทั้งของสะสม ไปจนถึงมุมต่างๆ ของบ้าน หรือแค่มองเห็นแสงสวยๆ เข้ามาในแต่ละช่วงเวลาของวันผมก็ถ่ายภาพแล้ว แม้ในบางวันที่เราอาจจะรู้สึกเบื่อๆ หรือเรียกได้ว่าหมดอารมณ์ในการถ่ายภาพ แต่เมื่อได้หันมาเห็นกล้อง GR วางอยู่ก็เหมือนอยากจะหยิบมันขึ้นมาถ่ายภาพอีกครั้ง เพราะเป็นกล้องที่ถ่ายภาพได้สนุก ใช้งานง่าย และสามารถนำไปถ่ายภาพได้ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเราในชีวิตประจำวัน
ด้วยความที่ผมไม่ได้เป็นช่างภาพอาชีพ ไม่ได้ถ่ายภาพเพื่อส่งประกวด เป็นเพียงคนที่แค่ชอบการถ่ายภาพ มันเป็นงานอดิเรกที่มีความสุข และกล้อง GR มันก็เข้ามาเติมเต็มตรงนี้ มันช่วยให้ความสุขส่วนนี้ของผมสมบูรณ์ขึ้น และสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ ทุกเวลา ถึงอย่างนั้นในมุมหนึ่งผมก็ชอบการถ่ายภาพ และศึกษามันอย่างจริงจังมาก เคยลงเรียนคอร์สเกี่ยวกับการถ่ายภาพขาวดำจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ เช่น ครูสมชาย สุริยาสถาพร และครูกันต์ สุสังกรกาญจน์ รวมถึงการติดตามผลงานของช่างภาพชั้นนำหลากหลายคน อาทิ Ansel Adams, Sebastião Salgado, Fan Ho, Michael Kenna และ John Sexton อย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียนรู้มุมมองใหม่ๆ อยู่เสมอ
ถ้าจะให้นิยามเกี่ยวกับกล้อง GR …ผมก็อยากจะย้อนไปถึงความรู้สึกเวลาที่เราเหนื่อยจากการทำงาน หรือเบื่อกับหลายๆ อย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ตามปกติการได้ท่องเที่ยว, การหาของอร่อยๆ ชิม หรือการนั่งดูของสะสมของเรา ก็จัดว่าเป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาเรื่องเหนื่อยล้าได้ดีเสมอ แต่สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยกับกิจกรรมทุกอย่างที่บอกไป คือ การถ่ายภาพ โดยเฉพาะเมื่อมีกล้อง GR อยู่ใกล้ตัว มันจะไม่มีข้อแม้ หรือข้อจำกัดอะไรเลย ในทางกลับกันความสะดวกของกล้อง GR นั้นกลับยิ่งทำให้เราสนุกกับการถ่ายภาพ และกิจกรรมอื่นๆ นั้นได้มากขึ้นไปอีกด้วย
ดังนั้น สำหรับผม “กล้องที่เติมไฟในการถ่ายภาพ” …เป็นนิยามที่จะให้กับกล้อง GR ทุกรุ่นที่ผมได้ใช้งาน
และในฐานะที่เป็นหนึ่งในคนที่รัก และหลงใหลในการถ่ายภาพ กล้อง GR เป็นเพื่อนแท้ที่ผมอยากจะแนะนำให้รู้จักครับ