TAMRON ON TOUR  :  CHUMPHON เมืองรอง…ที่สวยไม่เป็นรอง (A046/A071)

 

CHUMPHON เมืองรอง…ที่สวยไม่เป็นรอง

 

วันหยุดที่ผ่านมาวางแผนว่าจะไปเที่ยวภาคใต้ ในจังหวัดที่คนไม่เยอะแต่ก็มีความสวยงามและเรายังไม่เคยไปเที่ยวกันเลย สุดท้ายปักหมุดว่า “ ชุมพร ” เป็นจังหวัดที่จะเดินทางด้วยการขับรถยนต์ไปเรื่อยๆ แม้ต้องจะใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง

 

ก่อนวันเดินทางเราจองทริปดำน้ำเกาะร้านเป็ด ร้านไก่ อำเภอปะทิว ที่เพิ่งเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวให้นักเดินทางได้ไปชมความสวยงามของธรรมชาติใต้ทะเลอ่าวไทย และจัดเตรียมอุปกรณ์กล้อง เลนส์ สำหรับเก็บภาพบรรยากาศตลอดทริปนี้ มีเลนส์ 3 ตัว คือ

Tamron 17-28mm F/2.8 Di III RXD (Model A046)

Tamron 150-500mm F/5-6.7 Di III VC VXD (Model A057)

Tamron 28-200mm F2.8-5.6 Di III RXD(Model A071) 

 

ทำไมต้องเป็นเลนส์ 3 ตัวนี้..

 

เริ่มจาก..คิดไว้ว่าต้องมีเลนส์มุมกว้าง สำหรับเก็บภาพวิว ธรรมชาติของหาดทราย ท้องฟ้า และสถาปัตยกรรมสักตัว ซึ่งเลนส์รุ่นนี้ก็มีน้ำหนักเบา และให้ความคมชัด สีสัน ที่สวยงาม 

 

ถัดไป..ก็อยากพกเลนส์เทเลโฟโต้เอาไว้ดึงซับเจคต์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยเพราะน่าจะมีหลายอย่างที่เราไม่สามารถพาตัวเข้าไปใกล้ๆได้ หากโชคดีก็อาจได้นกทะเลติดมือกลับมาบ้าง ช่วงทไวไลท์ก็เผื่อจะได้พระอาทิตย์ดวงโตๆบ้างก็ไม่ค่อยโลภเท่าไร

 

สุดท้าย…เตรียมกระเป๋ากล้อง แบบสะพายข้างใบกะทัดรัดไปอีกใบ สำหรับใส่เลนส์อเนกประสงค์ที่ประกอบกับบอดี้ Sony A9 สำหรับเดินไปหาของกินตามตลาดจะได้ไม่พะรุงพะรังดูเป็นช่างภาพมากเกินไป เพราะกระเป๋าใบหลักจะเป็นเป้สะพายกันน้ำขนาดกลางๆไม่ใหญ่มากสะพายได้เต็มหลังพอดีเหมาะกับคนสูงประมาณ 160 ซม. เลนส์อเนกประสงค์ที่ครอบคลุมระยะทางยาวโฟกัสตั้งแต่ 28-200mm ก็ตอบโจทย์การถ่ายภาพได้หลากรูปแบบในการเดินเล่นแบบชิวๆ ไม่ได้เน้นตัวแบบอะไรแบบเฉพาะทาง แต่อย่ามองว่าเลนส์ตัวนี้เป็นเกรดทั่วๆไปนะ เพราะมันคมเอาเรื่องทีเดียว น้ำหนักก็เบา เหมาะกับวิถีพ่อบ้านมาก

 

การเดินทาง :

ล้อหมุนจากกรุงเทพมาสายๆแล้ว ใช้เส้นทางถนนพระราม 2 มีชะลอเล็กน้อยเนื่องจากมีการก่อสร้างถนนบ้างช่วง พอออกจากเขตชุมชนก็ทำความเร็วได้แบบปลอดภัย ชมทัศนียภาพสองข้างทางไปเรื่อยพร้องเสบียงเล็กๆน้อยๆ อยากพักก็เลี้ยวรถแวะเข้าปั๊มน้ำมัน ขับผ่านเส้นเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ก็กะว่าเดี๋ยวค่อยหาอะไรกิน สุดท้ายไม่มีจ้า… ไปได้ข้าวเหนียวไก่ริมทางปะทังท้อง จากการลุ้นว่าเห็นควันลอยข้างทางเมื่อไรให้ชะลอจอดเลยนะ 555

พอเข้าเขตปะทิว ก็เลาะเลียบถนนขนานกับทะเลไปเป็นระยะๆ จนมาใกล้ถึงเขตชุมชนแถวท่าเรือก็แวะลงไปกดชัตเตอร์ใบแรก ให้เห็นทะเลสีคราม หลังแนวสน โดยมีคนข้างๆเดินลงไปสูดโอโซนเข้าปอดถูกเก็บเข้าเฟรมมาด้วยเพื่อเปรียบเทียบขนาดกับทัศนียภาพของธรรมชาติในระยะที่ 28mm ของเลนส์อเนกประสงค์ เก็บภาพได้สักครู่ก็ออกเดินทางไปจุดชมวิว แวะบริษัททัวร์ที่จะพาไปดำน้ำในวันพรุ่งนี้ เสร็จแล้วก็ไปหาที่พักใกล้ๆจุดขึ้นเรือ ซึ่งก็ได้บ้านเรือนไทยที่ตั้งอยู่กลางหมู่บ้านประมงเลย 

ขนของเข้าที่พักเสร็จก็ย้อนกลับไปแถวสะพานปลาบางเบิด หยิบเลนส์มุมกว้าง 17-28mm เดินลอดใต้สะพานเก็บมุมมหาชนที่เล่นPerspective จะรอให้มุมคนเข้ามาในเฟรมหรือไม่มีก็ได้ มองไปไกลๆเห็นคุณลุงนั่งยาเรืออยู่ก็เดินเข้าไปคุยกับแก พร้อมกับขอถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย ระหว่างที่ชวนคุยก็ได้รู้ที่มาที่ไปของหาดถ้ำธง 

ถ่ายภาพวิวกับเรือเสร็จก็เปลี่ยนเลนส์เป็น 150-500mm เพราะเห็นนกทะเลบินยั่วไปมา รวมถึงปูลมที่วิ่งเข้าวิ่งออกรูอยู่เต็มหาด เค้าว่าปูพวกนี้วิ่งทำความเร็วได้ถึง 4 เมตร/วินาทีเลย ดังนั้นการหวังจะเข้าไปถ่ายภาพใกล้ๆนั้นไม่มีทางแน่ จึงต้องอาศัยการซูมแล้วพยายามเข้าใกล้ให้ได้อัตราขยายสูงๆ ตัวปูจะได้ใหญ่เห็นชัดเจน แต่ก็ไม่จำเป็นทุกใบ เพราะการถ่ายภาพให้เห็นระบบนิเวศ จะทำให้ได้เรื่องราวของลักษณะนิสัยได้ด้วย ก็พยายามตั้งค่าหน้ากล้องให้แคบหน่อย เพื่อได้ระยะชัดที่ครอบคลุมมากขึ้นอย่างที่ต้องการ

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นพกไปแค่เลนส์อเนกประสงค์กับเลนส์มุมกว้างเพื่อความคล่องตัว และคิดว่าคงมีโอกาสใช้เลนส์ระยะเกิน 200mm ไม่มากนักคงไม่คุ้มกับการแบกลงเรือเท่าไร เพราะใต้น้ำทางทัวร์จะคอยเก็บภาพให้ ดำน้ำ 2 เกาะจนเหนื่อยก็ขึ้นมากินอาหารซัฟู้ดแบบห้อยขา ไฮไลท์จะอยู่ที่การโยนเศษกระดอง ก้าม ลงไปให้ปลาเล็กด้านล่างคอยเก็บกวาด กล้องติดเลนส์อเนกประสงค์ 28-200mm ก็เลยได้หยิบออกจากกระเป๋า ทานเสร็จก็ไปเดินรอบเกาะย่อยอาหารก็มีโอกาสใช้เลนส์ 17-28mm มาเก็บภาพทั้งแนวตั้งแนวนอน มีแสงแดดกระทบผิวน้ำระยิบระยับเป็นรางวัล กว่าจะมาขึ้นฝั่งก็เกือบสี่โมงเย็น

 

ล้อหมุนต่อไปหาดวัวแล่น โดยจองห้องพักผ่านแอพ.แสนสะดวกสบาย ลดความเสี่ยงในการจับเงิน และพบปะผู้คนโดยไม่จำเป็น

หาดทุ่งวัวแล่นเป็นหาดทรายใหญ่มีประชาชนมาปูเสื่อ ตั้งโต๊ เก้าอี้ ป้งอาหารกินกันเยอะมาก แต่เทศบาลดูแลเรื่องความสะอาดดีมาก เดินไปไม่เจอเศษขยะเลยจัดหาของกินมื้อเย็น กับมื้อเช้าเสร็จก็เข้าที่พักซึ่งสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้

 

เลนส์ 17-28mm ประกอบวางบนขาตั้งกล้องค่อยๆเก็บภาพแสงเช้ากับยอดต้นมะพร้าวริมทะเล แบบอ้างว้างไร้ผู้คนก่อนกลับห้องก็เก็บภาพโบเก้พระอาทิตย์ และนกโพระดกด้วยเลนส์ 150-500mm แล้วไปเดินเส้นทางธรรมชาติศึกษาป่าชายเลนที่เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรจากนั้นไปไหว้พระที่วัดถ้ำโพงพางที่อยู่ริมทะเลแถวหาดทรายรี ซึ่งมีความงดงามมากก่อสร้างเสร็จคงมีนักท่องเที่ยวแวะมาสักการะไม่ขาดสายแน่นอนว่าเลนส์ 17-28mm ถูกหยิบมาถ่ายภาพมุมย้อนแสงในแบบเสยๆ เพื่อจะได้เห็นดวงอาทิตย์เป็นประกายแฉก ทางด้านหลังวัดก็มีวิวที่สวยงามจึงเลือกเก็บภาพทั้งแนวตั้งและแนวนอนเอาไว้ก่อน เพราะสวยทุกมุมเลย

 

การเดินทางครั้งนี้พยายามถ่ายภาพให้เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ได้เน้นว่าต้องขึ้นเขาเช้า-เย็น เพื่อไปรอพระอาทิตย์ หรือหมอก เรียกว่าไม่ได้ดั้งด้นมาก..เอาที่สะดวก ซึ่งภาพที่ได้จากเลนส์ทั้งสามตัวที่พกมาก็ได้ความปรทับใจกลับไปหลายอย่าง เพื่อนๆที่คิดไม่ตกว่าจะหยิบอุปกรณ์อะไรไปเที่ยวกับครอบครัวดี ก็ลองนำเรื่องราวของพวกเราไปประกอบการตัดสินใจดูได้นะครับ

 

– Pitchapoom Suwanpreecha – 

 

%d bloggers like this: