VANGUARD HOW TO : LEG ANGLE ADJUSTMENT … ประโยชน์ขององศาที่แตกต่าง

นักถ่ายภาพหลายท่านตั้งแต่มีขาตั้งกล้อง VANGUARD ไม่เคยหยิบมากางในองศาอื่นนอกจากมุมมาตรฐานที่ให้มาเลย จึงเกิดข้อความสงสัยว่าผู้ผลิตออกแบบให้สามารถปรับระดับมาเพื่ออะไร และมีประโยชน์ต่อการใช้งานอย่างไร ทำไมจึงจำเป็นต้องเลือกซื้อขาตั้งที่มีขนาดแตกต่างกัน รวมถึงราคาที่ต่างกันด้วย

ปรับระดับได้ทุกรุ่นหรือไม่ :

ขาตั้งแต่ละรุ่นไม่ว่าจะมีกี่ท่อน เช่น 3 ท่อน, 4 ท่อน, 5 ท่อน ก็จะมีฟังก์ชั่นการปรับระดับองศาการกางขาให้เลือกใช้งานเหมือนกันหมด เช่น รุ่น VEO3+ จะมีให้เลือกปรับตั้งแต่ 25, 50, 80 องศา แต่ถ้าเป็นรุ่นที่ออกแบบสำหรับพกง่าย มีขนาดกะทัดรัด สะดวกต่อการเดินทางจะสามารถปรับได้ถึง 180 องศา เช่น รุ่น Veo2GO เพื่อทำให้ขนาดความยาวของขาหดได้สั้นที่สุด (ส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 30ซม.) และช่วยปกป้องหัวขาตั้งจากการกระแทกขณะเดินทาง หรือขนย้าย

การนำไปใช้งาน :

องศาการกางที่ให้มาแบบมาตรฐาน เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปแค่ยืดความสูง-ต่ำตามความเหมาะสม และกางให้ขาด้านหนึ่งหันไปทิศทางเดียวกับเลนส์ ป้องกันการล้มคว่ำ แต่หากต้องถ่ายภาพมุมต่ำ ก็สามารถปรับระดับได้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม หรือเจอพื้นต่างระดับ การกางขาจะช่วยได้มากกับการทำให้กล้องอยู่บนพื้นให้มีความเสถียรเกิดความนิ่งมากที่สุด เช่น นักถ่ายภาพที่เจอแนวขอบระเบียงสูง สามารถจะกางขาสองข้างตั้งบนกำแพง(ขอบระเบียง) แล้วใข้ขาอีกข้างค้ำไว้ด้านหลัง เรียกว่าปรับอิสระได้ตามสถานการณ์หน้างานเลย, หรือจำเป็นต้องวางบนขั้นบันไดที่ชัน ก็ใช้การปรัระดับขาด้านหนึ่งให้กล้องได้ระนาบขนานกับพื้น

การบำรุงรักษา :

เมื่อต้องโยกปรับองศาการกางขาบ่อย น๊อตยึดแกนขาย่อมมีโอกาสเกิดการคลายตัวได้ ทาง Vanguard จึงเตรียมประแจเผื่อให้สำหรับขันล็อกไว้ในกระเป๋าให้ไปด้วย เพื่อบำรุงรักษาได้ทันการณ์ไม่ต้องรอส่งเข้าศูนย์บริการฯ ซึ่งก็ควรหมั่นตรวจสอบก่อนนำออกไปใช้งานทุกครั้งเพื่อความมั่นใจนั่นเอง

มูลค่าของขาตั้งกล้อง จะถูกลงเรื่อยๆตามอายุการใช้งาน ยิ่งใช้มาก ก็ถือว่ายิ่งถูกมาก แต่หากเก็บไว้เฉยๆไม่ว่าจะซื้อมาในราคาเท่าไรก็นับว่าแพงอยู่ดี ดังนั้นเมื่อมีขาตั้งกล้องแล้วก็ควรนำมาใช้งานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคุณภาพของภาพ และความคุ้มค่าในการลงทุน…

%d bloggers like this: