ตามรอย : ร้านอาหารชื่อดังในอาริมะออนเซ็น (Arima Onsen)

การออกเดินทางไปกับกล้องดีๆ สักตัวก็ช่วยเติมความสุชให้กับชีวิตนักเดินทางได้ดีทีเดียว วันนี้เลยอยากเล่าถึงบันทึกการเดินทางผ่านภาพถ่ายจากกล้องคุณภาพดีสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Ricoh GR แบบ One day trip จากโอซาก้ามีหลายเมืองที่น่าสนใจ และการเดินทางแบบนี้ต้องการความคล่องตัว เพื่อที่เราจะสามารถเดินทางได้อย่างเบาสบาย ดังนั้นสัมภาระยิ่งน้อยยิ่งดี

เมื่อดูรูปที่บันทึกไว้ ความทรงจำของรายละเอียดต่างๆ ในการเดินทางเมื่อหลายปีมาแล้วก็ผุดขึ้นมา ยังจำได้ว่าตอนนั้นพอรู้ว่ามีเมืองออนเซ็นที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นมีความเป็นมาตั้งแต่ราว 1,000 กว่าปีก่อน ตั้งอยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) ซึ่งอยู่ใกล้โอซาก้ามาก แถมยังมีร้านอาหารขึ้นชื่ออีกด้วยก็เลยเกิดแรงจูงใจที่จะไปในทันที

จากโอซาก้ามาอาริมะออนเซ็นเดินทางด้วยรถบัสสะดวกที่สุดใช้เวลาเพียง 1 ชม. ที่เมืองนี้มีขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่มาก ทำให้เราสามารถเดินเที่ยวชมได้ทั่วภายในวันเดียว                                             ณ เมืองแห่งนี้มีถนนสายหลัก ชื่อว่า ยุโมโตะซากะ  ที่มีร้านค้าเรียงราย รวมทั้งที่ซ่อนตัวอยู่ตามตรอกซอกซอย ดังนั้นการเที่ยวชมอย่างทั่วถึงจึงต้องอาศัยกำลังเท้าของเราพาไปสำรวจเดินลัดเลาะ และเดินขึ้นลงไปตามถนนเล็กๆ  ฉะนั้นการมีกล้องตัวเล็กๆ ย่อมเบาสบายกว่ามาก ช่วยลดน้ำหนักการแบกสัมภาระ แถมยังสามารถคล้องคอไว้ได้ตลอดทำให้ไม่พลาดจังหวะเวลาที่นึกอยากถ่ายรูปก็ยกขึ้นกดชัตเตอร์ได้ทันที

ด้วยความที่ชอบทานอาหารญี่ปุ่นมาก และการมาอาริมะออนเซ็นในครั้งนี้เป้าหมายหลักจริงๆ ไม่ใช่การแช่ออนเซ็น แต่มาเพื่อลิ้มลองเมนูอาหารขึ้นชื่อ  ร้านนี้แนะนำว่าควรมาแต่ก่อนเวลามื้ออาหาร จะได้ไม่ต้องเข้าแถวรอคิวนาน ดังนั้นพอมาถึงเราก็ตรงมาที่ร้านกันเลย

ร้านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Taiko’s Drinking Spa Water จุดบริการน้ำแร่ดื่มได้ฟรี เป็นไฮไลน์หนึ่งของที่อาริมะออนเซ็น เพราะน้ำแร่ที่นี่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายบำรุงสุขภาพได้ดี และเมื่อมาถึงตรงนี้ให้เลี้ยวขวาไประยะเดินราว 3 นาทีก็ถึงเป้าหมายของเราแล้ว

ร้านอาริคามะเมชิ คุตสึโรกิยะ (Arikamameshi Kutsurogiya) เป็นร้านที่เป็นลักษณะบ้านโบราณแบบญี่ปุ่นที่มีความโดดเด่นในเรื่องเมนูข้าวอบ หรือที่เรียกว่า Kamameshi ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่มีชื่อเสียงมากมีจุดเด่นอยู่ที่ใช้น้ำแร่มาทำอบข้าวในสไตล์ดั้งเดิม และใช้วัตถุดิบสดใหม่จากทะเลรวมทั้งเห็ด และผักป่าจากภูเขา

หลังจากเลือกสั่งเมนูที่ต้องการแล้วพนักงานก็นำป้ายไม้มาวางบนโต๊ะให้  ที่นี่เราต้องรอเมนูที่สั่งนานหน่อย เพราะว่าทางร้านจะลงมือทำชุดต่อชุดหลังจากที่ลูกค้าสั่งเท่านั้นเพื่อความอร่อย และสดใหม่ ทำให้เราก็มีเวลาที่จะได้ชื่นชม และถ่ายรูปเก็บบรรยกาศร้านกัน

โต๊ะภายในร้านจัดเป็นที่นั่งบนเสื่อทาทามิ ทำให้เราได้กลิ่นอายของความเป็นบ้านญี่ปุ่นแบบโบราณคลาสลิค ที่กระดาษรองอาหารบนโต๊ะพิมพ์ลาดลาย และมีภาพแผนผังที่นั่งในร้านที่ให้บริการจำนวน 2 ห้อง

สักพักทางร้านก็เริ่มเสริฟอาหารอื่นๆ ในชุดมาให้ก่อนระหว่างรอข้าวอบเมนูหลัก ซึ่งชุดที่สั่งมีชื่อว่า ที่ชื่อว่า あり釜まんぷくコース หรือ Arikama Manpuku Course ในชุดนอกจากเมนูหลักอย่างข้าวอบแล้วยังมี ก็จะมีไข่ตุ๋นด้วยน้ำแร่ออนเซ็น, เครื่องเคียง 6 อย่างเสิร์ฟแบบกล่องเบนโต, ซุป และผักดอง

และแล้วข้าวอบในชุดก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ข้าวอบที่ใช้น้ำแร่ที่มีชื่อเสียงดีต่อสุขภาพของอาริมะออนเซ็น และอาหารทะเลอย่างปลาทรายแดง, ปลาแซลมอน, ปลาหมึกยักษ์, ผักป่า และเห็ดมาอบรวมกัน เมื่อได้ลิ้มลองแล้วก็พบว่าอาหารร้านนี้จะเป็นลักษณะอาหารแบบญี่ปุ่นที่มีความอ่อนโยน รสชาติทั้งหมดมาจากการใช้วัถตุดิบที่ดี ทำให้เราได้รสชาติของอาหารแท้ๆ ก็รู้สึกถูกใจมีความอร่อยกลมกล่อม และที่ชอบที่สุด คือ ปลาหมึกยักษ์ชิ้นโต แม้ว่าการใช้ปลาหมึกยักษ์ในเมนูอาหารที่ญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องแปลก หรือหายาก แต่ว่าสำหรับรสชาติของปลาหมึกยักษ์ในข้าวอบชุดนี้มีความอร่อยที่ลงตัวมาก รสสัมผัสนุ่มไม่เหนียวในแบบที่หาได้ยาก แม้จะเป็นที่ญี่ปุ่น  !

หลังจากทานอาหารเสร็จก็ถึงเวลาเดินเล่นเที่ยวชมเมืองอาริมะออนเซ็น ที่นี่มีร้านค้า และวิวที่สร้างความรู้สึกที่ผ่อนคลายเลยทำให้รู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ เมื่อได้มา และการกลับมาดูรูปอีกครั้ง ความสวยงามของสีสันที่คมชัด และที่สำคัญ คือ ระบบ Snap ภาพที่รวดเร็ว ไม่ต้องโฟกัสยกขึ้นกดชัตเตอร์ได้ทันทีเลย เดินไปถ่ายรูปไป นี่คือ เสน่ห์ความสนุกของกล้อง Ricoh GR

RICOH GR ใช้เซนเซอร์ขนาดใหญ่แบบที่ใช้กับกล้องตัวโตๆ แต่ว่าก็ยังคงขนาดตัวกล้องเล็กๆ ดูเรียบง่ายเหมือนเดิม ทำให้แฟนกล้อง Ricoh GR อย่างเราอดรู้สึกชื่นชมทีมผู้ออกแบบไม่ได้ในความมั่นคงต่อแนวคิดอุดมการณ์ที่จะผลิตกล้องคุณภาพสูงในขนาดเล็ก เพราะเชื่อว่าทำให้ได้ถ่ายรูปได้บ่อยๆ และสนุกมากกว่า อย่างเราผู้ซึ่งชอบการไปเที่ยวญี่ปุ่นเอง รู้สึกดีใจ และมีความสุขที่มีกล้องที่ตอบโจทย์การใข้ชีวิตของเรา ช่วยให้สบายๆ ยามพกพา แถมยังได้ภาพถ่ายที่สวยถูกใจอย่างที่เป็นอยู่ และรู้สึกว่า Ricoh GR นับเป็นกล้องสัญชาติญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

ผ่านมาหลายปีแล้วซินะที่ได้รู้จัก และใช้กล้อง Ricoh GR จนกลายเป็นกล้องตัวเดียวลุยทุกทริปญี่ปุ่นของเราไปเลย สำหรับ Ricoh GR ประมาณทุก 2-3 ปี จึงจะออกรุ่นใหม่สักตัว นับว่าเป็นกล้องที่มีรุ่นน้อยมากเมื่อเทียบกับประวัติของกล้องรุ่นนี้ที่มีตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005  เพราะเขาออกแบบมาให้เราใช้งานยาวๆ และไม่เบื่อ แต่จะว่าไปพอมีรุ่นใหม่ แฟน GR ก็อดใจไม่ได้ที่จะมีไว้ครอบครอง จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติก็ว่าได้ที่คนๆ หนึ่งจะมีกล้อง Ricoh GR หลายตัว เพราะคุณภาพที่ดี ใช้งานถูกใจทำให้พวกเรากลายเป็นแฟน GR กันไปโดยปริยาย และในความเป็นจริงก็ยากที่จะหากล้องรุ่นใดมาทดแทนได้ อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่แนะนำว่าต้องลองสัมผัสดูจึงจะเข้าใจ…

หากมีโอกาสก็นำภาพจากกล้อง Ricoh GR มาเล่าเรื่องราวของทริปอื่นๆ เมืองต่างๆ ของญี่ปุ่นที่เราประทับใจกันอีกครั้ง

ข้อมูลเพิ่มเติม :

ร้านอาริคามะเมชิ คุตสึโรกิยะ (Arikamameshi Kutsurogiya) : http://www.umemaru.net/kutsurogiya/

 

                       

Grist Snap Thailand official Group                            EEPblog

https://www.facebook.com/groups/GRistSnap                 https://eepblog.com/

TAGS

  Arima /Hyogo  /  Kobe / Kamameshi / GRist / RICOH / RICOH GR / GR