JPEG RE-COMPRESS…บีบอัดไฟล์อย่างไรให้คุณภาพยังอยู่
“JPEG Format” นั้นเป็นอะไรที่เราคุ้นเคยกันดีกว่าฟอร์แมตชนิดอื่นๆ ทั้งหมดด้วยเหตุที่มันเป็นลักษณะไฟล์มาตราฐานที่ใช้อยู่ใน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับไฟล์ภาพมากที่สุด ข้อดีอันเป็นจุดเด่นสำคัญของไฟล์ชนิด JPEG ก็คือ ความสามารถในการ “บีบอัด” ข้อมูลให้มีขนาดที่เล็กลง ทำให้ใช้พื้นที่ในการบันทึกข้อมูลน้อยลง และที่สำคัญยิ่งสำหรับโลกในยุคปัจจุบันก็คือ ใช้เวลาในการ“ขนส่ง” (ทั้ง Upload และ Download) น้อยลงด้วย แต่ข้อเสียประการหนึ่งที่หลายคนมักจะมองข้ามไปก็มาจากข้อดีของมัน เพราะในการบีบอัดข้อมูลก็จะมีการสูญเสียคุณภาพของภาพถ่ายไปบางส่วน ซึ่งจะมากหรือน้อยก็อยู่ที่ความเข้าใจของเรานั่นเอง..
JPEG ALGORITHM
เกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อเราสั่งบันทึกไฟล์ภาพในแบบ JPEG? เพื่อ ให้เกิดความเข้าใจในการรักษาคุณภาพของไฟล์ภาพ เราจำเป็น ต้องทำความเข้าใจกับวิธีการทำงานของ JPEG กันก่อน เป็นที่ทราบกันดีว่าไฟล์ภาพถ่ายของเรานั้นแท้ที่จริงก็คือ ”จุดสี” หรือ Pixel จำนวนมากที่มาเรียงต่อเนื่องกันไปทำให้เกิดเป็นภาพขึ้นมา ซึ่งจุดสีเหล่านั้นก็คือการแปลข้อมูลจากภาษาดิจิตอล เพื่อแทนค่าสีต่างๆ เช่น 0xFFFFFF หมายถึงสีขาว, 0x000000 หมายถึงสีดำ เป็นต้น ซึ่งแต่ล่าสีแต่ละน้ำหนักก็จะมีลักษณะข้อมูลที่ไล่เรียงกันไป
วิธีการทำงานบีบอัดข้อมูลของระบบ JPEG (โดยคร่าวๆ) ก็คือ มันจะทำการตรวจสอบลักษณะของจุดสีที่มีความใกล้เคียงกัน (แต่มีโค๊ดทางดิจิตอลต่างกัน) จัดการควบรวมทั้งหมดแล้วแทนที่ด้วยรหัสชุดใหม่แทน ดังนั้นสมมติว่ามีจุดสีที่ใกล้เคียงกันจำนวนแสนจุดก็จะสามารถแทนค่าเหลือเพียงโค๊ดตัวเดียวก็จะทำให้ขนาดของข้อมูลเล็กลงได้มาก ยกตัวอย่างเช่นในวงกลมสีเหลืองที่มีสีใกล้เคียงกัน ก็จะมีโค๊ดต่างกัน JPEG จะรวมทั้งหมดแล้วแทนที่ด้วยโค๊ดเพียงตัวเดียวเท่านั้น ด้วยวิธีการทำงานเช่นนี้เองจะเห็นว่าทำให้ประหยัดเนื้อที่ในการบันทึกข้อมูลทางดิจิตอลเป็นอย่างมาก ทำให้ไฟล์JPEG มีขนาดเล็กลงนั่นเอง อย่างไรก็ตามระดับของการควบรวมจุดสีที่ใกล้เคียงนั้นขึ้น อยู่กับเราเป็นผู้กำหนด ยิ่งสั่งให้JPEG ควบรวมเป็นวงกว้างมากขึ้นไฟล์ก็จะยิ่งเล็กลง การกำหนดนี้เราจะได้เห็นจากตัวเลือกในซอฟต์แวร์หลายๆ ตัว ซึ่งมักจะถามเราเสมอว่าจะบีบอัดข้อมูลในระดับใด
ยิ่งบีบอัดมาก ขนาดไฟล์ก็จะยิ่งเล็กลงได้มาก แต่ยิ่งบีบอัด มาก คุณภาพของไฟล์ภาพก็จะสูญเสียมากตามไปด้วย วิธีการบีบอัดข้อมูลลักษณะนี้จะมีผลต่อภาพถ่ายในด้านของ รายละเอียดความคมชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีลักษณะของการไล่น้ำหนักสี(Gradient) เช่น สีผิว, ท้องฟ้า เพราะ JPEG จะนำเอาจุดสีที่ใกล้เคียงกันมารวมเข้าเป็นค่าเดียวกัน ทำให้การไล่สีเกิดความไม่ต่อเนื่อง (Banding) ขึ้น
PHOTO WORKFLOW :
คุณได้เห็นหลักการทำงานของ JPEG ไปแล้ว ซึ่งก็จะเห็นว่ามัน จะสามารถลดคุณภาพทางรายละเอียดและความคมชัดในภาพถ่ายของเราได้อย่างไรบ้าง ดังนั้น วิธีการรักษาคุณภาพของไฟล์ภาพให้สูงที่สุดอันดับแรก ก็คือ บันทึกภาพแบบ “RAW” เพราะมีการสูญเสียรายละเอียดน้อยมาก หากคุณบันทึกแบบ JPEG นั่นแสดงว่าไม่ใช่ความสามารถสูงสุดที่จะได้จากเซนเซอร์รับภาพ เพราะจะมีการบีบอัดข้อมูลมา ตั้งแต่ต้นทางแล้ว อันดับต่อมาก็คือในขั้นตอนการโปรเซสภาพ อันที่จริงแล้วใน การโปรเซสภาพก็จะมีการสูญเสียรายละเอียดภาพไปจากขั้นตอนต่างๆอยู่พอสมควร ดังนั้นเมื่อมีการ “Save” ไฟล์จาก RAW ต้นฉบับ คุณจึงควรเลือกเป็นแบบ “TIFF” เก็บไว้สำหรับเป็นต้นฉบับที่โปรเซสแล้วหนึ่งไฟล์ จากนั้นค่อย “Save as” ออกมาเป็น JPEG เพื่อนำไปใช้งานหรือส่งต่ออีกไฟล์หนึ่งแยกไปโดยเฉพาะ แต่หากคุณ Save เป็น JPEGมันก็จะถูกบีบอัดในขั้นตอนนี้เลยนี่คือวิธีการรักษาคุณภาพของไฟล์ภาพเพื่อให้มีต้นฉบับที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่แน่นอนว่ามันย่อมจะต้องแลกมาด้วยพื้นที่ในการเก็บข้อมูลที่มากขึ้น ใช้เวลามากขึ้นเพราะมีขั้นตอนมากกว่า และในภาพรวมแล้วหมายความว่าต้นทุนของคุณก็จะสูงกว่าด้วยเช่นกัน คุณจึงต้องชั่งน้ำหนักความสำคัญระหว่าง “ประหยัด” และ “คุณภาพ”ให้ดี
INTERNET WORKFLOW :
ทุกวันนี้งานของช่างภาพจำนวนมากมักจะอยู่บนอินเตอร์เน็ต (ก็คือ Social Network ต่างๆ)ซึ่งเราต้องทำการอัพโหลดไฟล์ ภาพขึ้นไปโพสต์เอาไว้ และเป็นที่รู้กันดีว่าโซเชียลมีเดียต่างๆ เหล่านี้จะยอมรับไฟล์ภาพชนิด “JPEG” เท่านั้น (อาจรับ ฟอร์แมตอื่น เช่น GIF ด้วย แต่JPEG จะเหมาะกับภาพถ่าย มากกว่า) ข่าวร้ายก็คือ โซเชียลมีเดียเหล่านี้จะทำการ “บีบอัด”ไฟล์ ภาพของคุณอีกครั้งก่อนจะนำภาพขึ้นในระบบ (Re-Compress) ซึ่งในขั้นตอนนี้คุณจะไม่สามารถเลือกระดับการบีบอัดได้เลย ระดับ การบีบอัดจะขึ้นอยู่กับ Algorithm ของแต่ละแห่งซึ่งอาจมีความแตกต่างกันไป โดยมากแล้วก็จะเน้นไปที่ขนาดไฟล์เล็กมากกว่าในเรื่องของคุณภาพ สิ่งที่คุณจะทำได้เพื่อผลงานที่ดีบนโซเชียลมีเดียก็คือ จัดเตรียมผลงานในขั้นตอนสุดท้ายบนคอมพิวเตอร์ของคุณให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่จะอัพโหลดขึ้นไป นั่นก็คือการพยายามรักษาคุณภาพของไฟล์ภาพเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เกิดการสูญเสียรายละเอียดน้อยที่สุดนั่นเอง
DO NOT ! :
อย่างที่เรารู้กันแล้วว่า การ Save ไฟล์เป็น JPEG นั้นจะเกิดการ สูญเสียคุณภาพจากการบีบอัดข้อมูล ดังนั้นสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยง ก็คือ การ Save as ไฟล์จากไฟล์ JPEG ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะการทำแบบนั้นก็จะเกิดการสูญเสียคุณภาพซ้ำแล้วซ้ำอีกจากการบีบอัดข้อมูลซ้ำเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงควร Save ไฟล์เป็นรูปแบบ TIFF เอาไว้เป็นต้นฉบับตั้งแต่แรก อีกประการหนึ่งที่มักจะปฏิบัติกันโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอก็คือ การ Save หรือ Copyภาพจากโซเชียลมีเดียมาเพื่อส่งต่อหรือใช้ งานซ้ำ เช่น Save ภาพที่คุณโพสต์ขึ้นไปแล้วดึงกลับลงมาเพื่อส่ง ต่อไปอีกครั้ง นั่นก็คือไฟล์ภาพนั้นจะผ่านการบีบอัดเพิ่มอีกหลายครั้ง ลองสังเกตจากไฟล์ภาพถ่ายที่มีการส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ก็ได้ว่า คุณภาพจะลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะมันเป็นข้อมูล เชิงดิจิตอล แต่นั่นก็เพราะสาเหตุการถูกบีบอัดซ้ำแล้วซ้ำเล่านี่เอง เช่นเดียวกับการส่งไฟล์ภาพไปในกล่องข้อความ หรือกระดานสนทนา (Chat)ทั้งหลายด้วย เพราะมันก็จะถูกบีบอัดซ�้ำอีกครั้ง เพื่อให้ไฟล์มีขนาดเล็กลงอีกเช่นกัน ดังนั้นคุณจึงควรหลีกเลี่ยงการส่งไฟล์ภาพถ่ายผ่านช่องทาง เหล่านี้โดยตรง การบันทึกลงสื่ออย่าง USB Drive, ส่งโดยติด (Attach) ไปกับ e-mail หรือการอัพโหลดไปยัง Server ฝากไฟล์จะเป็นการรักษาคุณภาพของภาพที่ดีกว่าเพราะไม่มีการ Re-compress …ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษาคุณภาพของไฟล์ภาพถ่ายนั่นเอง!