GR พาเที่ยว(ทิพย์) : EP.3 สามจังหวัดชายแดนภาคใต้…มุมงดงามกับตาเอก

เดินทางมาถึงจังหวัดนราธิวาส อันเป็นจังหวัดสุดท้ายของทริปนี้ เชื่อว่าจะมีหลายๆท่านที่อดใจไม่ไหวอยากจะจองตั๋วเครื่องบินลงใต้ซะในบัดดล…แต่ก็ยังทำไม่ได้ ก็เก็บข้อมูลไว้ก่อนเชื่อว่าอีกไม่นานเราคงได้ออกไปท่องโลกเหมือนเดิมเมื่อสถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ…ก่อนถึงวันนั้นไปดูว่าวันนี้ GR พาเที่ยว(ทิพย์)ที่ไหนกันบ้างจ้า

ผานับดาว

เป็นภูเขาทีมียอดเขาเป็นหินขาว ที่เกิดจากแร่ควอตซ์ผสมอยู่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 300 เมตร ด้านหน้าสามารถมองเห็นตัวอำเภอสุคิริน และเทือกเขาบูโด ด้านหลังสามารถเห็นเทือกเขาสันกาลาคีรี ตั้งอยู่ที่บ้านราษฎร์ประสานห่างจากตัวอำเภอสุคิรินประมาณ 6 กิโลเมตร ต้องเดินทางเข้าไปด้วยรถออฟโรดเนื่องจากเป็นถนนดินแดงผ่านสวนยางไปจนถึงตีนเขา แล้วเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร ด้านบนจะมีอากาศเย็นจึงสามารถพบเห็นหมอกได้ตั้งแต่ช่วงค่ำๆส่วนตอนเช้าพอมีแสงแดดมากระทบริ้วหมอกเป็นสีส้มทองก็ยิ่งทำให้งดงาม ภาพนี้ตาเอกตั้งขาตั้งไม่ทันจึงกดชัตเตอร์ในแบบHandheld ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นสูงจนแสงจ้าไปกว่านี้

ต้นกะพงยักษ์

ตื่นตาตื่นใจกับขนาดลำต้นที่ต้องใช้ถึง 27 คนจึงจะโอบรอบ มีความสูงกว่า 30 เมตร และมีอายุมากกว่า 100 ปี ลักษณะเปลือกจะเรียบมันสีออกน้ำตาลแกมเทา อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา อยู่ห่างจากถนนหน้าหน่วยพิทักษ์ภูเขาทองประมาณ 200 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที ค้นพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2543 กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้นำป้ายประกาศมาติดไว้ให้เป็น รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี

มัสยิดวาดิลฮูเซ็น

มัสยิด 300 ปี ตั้งอยู่บ้านตะโละมาเนาะ ตำบลลุโบะสาว โดดเด่นด้วยสถาปัตกรรมอาคารไม้ตะเคียนทั้งหลัง ผสมผสานศิลปะไทย จีน และมลายูเข้าด้วยกันอย่างมีเอกลักษณ์ สร้างขึ้นโดยนายวันฮูเซ็น อัส-ซานาวี ผู้อพยพมาจากบ้านสะนอยานยา จังหวัดปัตตานีเมื่อ พ.ศ. 2167เป็นอาคาร 2 หลังติดกัน มีเสาไม้ 26 ต้น เสามีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ฝาประกบหน้าต่างทำด้วยไม้ทั้งแผง แกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ จุดเด่นอยู่ที่โครงสร้างหลังคาทั้ง 2 หลัง ซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยมัสยิดหลังแรก มีหลังคาทั้งหมด 3 ชั้น มุงด้วยกระเบี้องดินเผาหลังคาชั้นที่ 3 มีโดมเป็นเก๋งจีนอยู่บนหลังคา เป็นศิลปแบบจีนแท้ เสาแกะสลักเป็นรูปดอกพิกุล ในสมัยนั้นเก๋งจีนจะใช้เป็นหออาซาน (สำหรับตะโกนเรียกคนมาละหมาด)ส่วนมัสยิดหลังที่ 2 มีหลังคา 2 ชั้นมุงด้วยกระเบื้องดินเผา หลังคาชั้นที่ 2 มีจั่วอยู่บนหลังคาชั้นแรกมีฐานดอกพิกุลหงายรองรับจั่วหลังคาอีกชั้นหนึ่ง แต่เดิมหลังคามุงเป็นใบลานแล้วต่อมาเปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินเผา ด้วยความขลังของสถานที่ตาเอกจึงเลือกใช้โทนสี แบบPositive

น้ำตกปาโจ

อยู่ที่บ้านปาโจ ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติบูโด – สุไหงปาดี น้ำตกปาโจ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ของผืนป่าบูโดที่มีน้ำตลอดปี แม้ในนหน้าแล้งน้ำค่อนข้างน้อย น้ำตกมีทั้งหมด 4 ชั้น แต่ชั้นแรกจะมีขนาดใหญ่และสวยที่สุด สายน้ำไหลตกมาจากลานผาหินที่ความสูง 60 เมตร มีก้อนหินขนาดใหญ่ที่จารึกลายพระหัตถ์พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยสิริกิติ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยเสด็จมาเที่ยวน้ำตกปาโจ นอกจากนั้นที่นี่ยังมีใบไม้สีทอง พันธุ์ไม่เลื้อยที่ถูกค้ยพบครั้งแรกในปี 2531 ลักษณธใบคล้ายใบของต้นชงโค แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก และทุกส่วนของใบจะปกคลุมด้วยขนกำมะหยี่เนียนนุ่ม มีสีทองหรือสีทองแดงเหลือบรุ้งเป็นประกายงดงามยามต้องแสงอาทิตย์

ตาเอกพาเที่ยวสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ครบแล้ว ใครสนใจที่ไหนเป็นพิเศษ…คงต้องฝากเก็บไว้ในใจก่อน เมื่อไรที่คนพร้อม กล้องพร้อม สถานการณ์ปลอดภัยต้องได้เดินทางไปเก็บภาพให้จุใจอย่างแน่นอนครับ…