Back to Basic : Light Metering Mode ช่วยจับแสงให้เก่ง และแม่นยำ
Back to basic : LIGHT METERING MODE
มาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ กับทักษะพื้นฐานการถ่ายภาพแบบแน่นๆที่ไม่ว่ากล้องรุ่นไหน ก็ต้องควบคุมด้วยปัจจัยเหล่านี้ผ่านมาครึ่งท้ายของเดือนกันแล้ว งานอะไรค้างอยู่รีบสะสางกันหน่อยจะได้ถ่ายภาพแบบสบายใจ…
Light Metering Mode หรือโหมดการวัดแสง ซึ่งในกล้องทุกตัวจะต้องมีติดตั้งมาให้ เพื่อทำหน้าที่ควบคุมปริมาณของแสงที่จะตกยังเซ็นเซอร์รับภาพ โดยมีค่ามาตรฐานกลางอยู่ที่ 0 เมื่อเราต้องการให้ปริมาณแสงผ่านเข้าไปมากหรือน้อยกว่าค่าที่บอกไว้ก็สามารถคำนวณได้ตามความต้องการ จะมีหน่วยบอกค่าเป็นสตอป(stop) ส่วนความละเอียดของค่า หรือความแม่นยำ จะขึ้นอยู่กับระบบการวัดแสงที่นำค่าแสงที่ตกลงมาไปคำนวณตรงกับการใช้งานหรือไม่
– Multi-segment ระบบวัดแสงแบบสามัญประจำบ้าน ที่กล้องจะนำปริมาณแสงทั้งภาพมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยเองตามที่ถูกออกแบบมา ซึ่งพื้นฐานจะคล้ายๆกันแต่จะแตกต่างกันบ้างในแต่ละแบรนด์ เหมาะกับลักษณะแสงที่กระจายทั่วทั้งภาพใกล้เคียงกันไม่มีความซับซ้อน
– Center-weighted รูปแบบการวัดแสงที่จะเน้นความสำคัญไปยังวัตถุที่ถูกจัดเฟรมไว้บริเวณกลางภาพ โดยนำค่าแสงพื้นที่รอบๆมาร่วมคำนวณด้วย แต่จะให้ความสำคัญรองลงไปตามการออกแบบระบบของกล้องแต่ละรุ่น การถ่ายภาพบุคคลก็นำระบบวัดแสงแบบนี้ไปใช้บ่อยเหมือนกัน เพราะส่วนใบหน้าจะตกในบริเวณกลางภาพ
– Spot รูปแบบการคำนวณแสงที่เฉพาะเจาะจงในการวิเคราะห์แสงในแต่ละจุด ที่ช่างภาพต้องการทราบอย่างละเอียดเพื่อให้แสงในภาพออกไปในโทนที่ต้องการ บางคนบอกว่ามักใช้กับสภาพแสงที่ซับซ้อน คือ มีทั้งส่วนมืด และส่วนสว่างในภาพ ยิ่งค่าทั้งสองมีความเปรียบต่างกันสูงก็ยิ่งเพิ่มความยากในการจะคุมให้แสงสวยงามทั้งภาพ
เครื่องวัดแสงถูกมองว่าไม่จำเป็นแล้วหรือไม่ เพราะการแสดงผลผ่านหน้าจอช่วยให้เห็นการปรับตั้งค่าต่างๆเสมือนจริงทันทีแต่อย่าลืมว่า…หน้าจอแต่ละอุปกรณ์มีความแตกต่าง และมีความเสื่อม ดังนั้นการมีมาตรฐานจากค่ากลางเดียวกันจะเป็นเครื่องยืนยันได้ระดับหนึ่งเลย เมื่อต้องทำงานร่วมกันในแต่ละกระบวนการสร้างภาพเหมือนทุกคนคุยอยู่บนภาษาเดียวกัน…