FLASH Q รุ่น Q20 II แฟลชหน้าตาคลาสสิกออกแบบให้มีฟังก์ชั่นการทำงานไฮเทคมาตอบโจทย์นักถ่ายภาพที่ใช้กล้องคอมแพค (Compact) และกล้องมิลเลอร์เลส (Mirrorless) ด้วยขนาดกะทัดรัด มีค่าความสว่างที่ไกด์นัมเบอร์ 20 (Guide Number 20) สามารถเลือกประกอบใช้งานกับกล้องบนฮอตชู (Hotshoe) หรือควบคุมแฟลชแยกออกจากตัวกล้องได้ (Wireless Flash Control) ด้วยตัวรับ (Receiver) และตัวส่ง(Transmitter) เป็นสัญญานคลื่นวิทยุ แบบไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมมาช่วยเลย
สำหรับช่างภาพที่ชื่นชอบการย้อมสีแฟลชในกล่องจะมีฟิลเตอร์สีให้ทั้งหมด 6 สี กับอีกหนึ่งแผ่นจะเป็น Diffuser ทำหน้าที่ช่วยกระจายแสงแฟลชให้นุ่มนวลขึ้น อีกจุดเด่นที่ต้องกล่าวถึงก็คือ ไฟแอลอีดี (LED) ที่ทำหน้าที่เป็นไฟนำแสงถ่ายภาพนิ่ง และไฟต่อเนื่องสำหรับบันทึกภาพวิดีโอที่ได้รับความนิยมในเวลานี้ หากต้องการตั้ง Flash Q ส่องค้างก็สามารถขันสกรูด้านล่างยึดกับขาตั้งกล้องได้ทันที
เหมาะสำหรับอะไร ?
เลือกใช้กล้องเล็ก แต่ถ้าใช้แฟลชตัวใหญ่ก็คงจะไม่ตรงวัตถุประสงค์เรื่องความกะทัดรัด ดังนั้นการพกแฟลชไปถ่ายภาพอะไรก็ตามที่ต้องการเพิ่มแสงสว่างทั้งภาพ หรือเป็นบางส่วนอย่างการถ่ายภาพมาโคร ภาพสินค้า ภาพบุคคลนั้น เหมาะที่จะนำ Flash Q ใส่ไว้ในกระเป๋ากล้อง เป็นประจำเพื่อหยิบมาใช้งานได้ตลอด
มีจุดเด่นอะไรบ้าง ?
การทำงานแบบไร้สายถือว่าเป็นความโดดเด่นที่ถูกออกแบบมาได้อย่างสวยงามลงตัวทั้งแบบสั่งงานด้วยคลื่นวิทยุได้ไกล 10 เมตร และกระตุ้นตาแมว(Slave) มีพอร์ต Micro-USBสำหรับชาร์จประจุไฟตัวรับสัญญาน(Receiver) เป็นแบตเตอรี่ในตัวถอดแบบถอดไม่ได้ และตัวส่งสัญญาน(Transmitter) จะใช้แบตเตอรี่ขนาดAA จำนวน 2 ก้อน แบบNi-MH สายชาร์จจะใช้เต้าเสียบเดียวแยกเป็นสองหัวชาร์จทำให้ชาร์จพร้อมกันได้
ระบบทำงานอย่างไร ?
แฟลชทำงานเป็นระบบแมนนวล แบ่งกำลังไฟได้ 7 ระดับตั้งแต่ 1/64 ถึงเต็มกำลังไฟ หัวแฟลชปรับมุมเงยได้ละเอียด 4 ระดับ สูงสุดที่มุม 90 องศา (มีช่องเสียบฟิลเตอร์สีที่ขอบหน้ากากแฟลช) สำหรับไฟ LED ในตัวจะให้ความสว่างสูงสุด 60 ลักซ์ (Lux) ปรับกำลังไฟได้เช่นเดียวกับแฟลช หากกล้องที่ใช้ระบบLeaf Shutter แฟลชจะสามารถทำงานสัมพันธ์ได้กับทุกความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) เช่น กล้อง Ricoh GR III
“จิ๋วแต่แจ๋ว” น่าจะเป็นคำจำกัดความของFlash Q รุ่นQ20 II ได้เป็นอย่างดี กับฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย ทว่าเรียบง่ายเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แม้คุณจะเพิ่งเคยใช้งานแฟลชเป็นครั้งแรก…หากยังสงสัยฝากติดตามรายละเอียดตอนต่อๆไปได้ในแต่ละสัปดาห์
FLASH Q รุ่น Q20 II หน้าตาทรงสี่เหลี่ยมออกแบบจัดเรียงปุ่มและสวิทช์ควบคุมการทำงานหลักทั้งหมดอยู่บริเวณแผงด้านหลัง สำหรับด้านหน้าจะมีเพียงเซ็นเซอร์ตาแมวแบบ Optical Slave (A4) คอยรับสัญญานแสงมากระตุ้นให้แฟลชทำงาน ซึ่งตัวหัวแฟลชจะสามารถปรับองศาการกระจายแสงได้4 ระดับ (A1) มีช่องเสียบฟิลเตอร์อยู่ด้านใต้แผงหลอดแฟลช(A2) ส่วนไฟLEDจะมีแผ่นหน้ากากสีขาวขุ่น(A3)คอยกรองแสงไม่ให้แสงแข็งเกินไป พลิกไปดูจุดเชื่อมต่อกล้องมีความแข็งแรงเพราะทำจากโลหะมีขั้วสัมผัสจุดเดียวเพราะระบบการทำงานเป็นแบบแมนนวล มีวงแหวนขันล็อกยึดกับฮอตชู และมีแถบไฟแสดงสถานะ(C2)สว่างขึ้นเมื่อกดปุ่มเปิดค้างไว้ 2วินาที(C4) นอกจากนั้นยังมีปุ่มเทสต์แฟลช(C5) และปุ่มปรับกำลังไฟ(C3) ขณะใช้งานในระบบไร้สาย
แฟลชมีโหมดอะไรบ้าง ?
Flash Q แบ่งระบบการทำงานทั้งหมดเป็น 4โหมด ได้แก่ S1, S2, Video และ Modeling Mode โดยมีไฟแสดงสถานะ(B10) คอยระบุโหมดการใช้งานเมื่อกดปุ่มเลือกแต่ละโหมด(B9) แล้วแต่ละโหมดทำงานแตกต่างกันอย่างไรไปทำความเข้าใจกัน…
-ไฟสีแดง หมายถึง โหมด S1 เลือกใช้งานเฉพาะระบบไฟแฟลช หากใช้แสงแฟลชจากกล้องกระตุ้นSlaveแฟลชจะทำงานทันทีเมื่อมีแสงมากระทบตาแมว
-ไฟสีส้ม หมายถึง โหมด S2 เลือกใช้งานเฉพาะระบบไฟแฟลช หากใช้แสงแฟลชจากกล้องที่เปิดระบบแก้ตาแดงไว้แสงจะกะพริบ2ครั้ง แฟลชจะทำงานต่อเมื่อตาแมวถูกกระตุ้นครั้งที่สอง พร้อมการลั่นชัตเตอร์ของกล้องทันที
-ไฟสีฟ้า คือ โหมด Modeling สามารถควบคุมการทำงานให้สว่างพร้อมกันได้ ทั้งไฟแฟลช และLED Video
-ไฟไม่สว่าง คือ โหมด Video สามารถเลือกใช้งานสลับกันระหว่างไฟแฟลช กับไฟต่อเนื่อง
ปรับกำลังไฟที่ไหน ?
B1 – จะเป็นแป้นปรับกำลังไฟแสงแฟลช
B2 – จะเป็นแป้นปรับกำลังไฟแสงไฟต่อเนื่อง(LED)
ไฟทั้งสองแบบสามารถปรับกำลังไฟได้ตั้งแต่เต็มไฟจนลดระดับลงไปต่ำสุดที่ 1/64 (GN.20@ISO100) แฟลชใช้หลอดซีนอน(Xeon Flash)โดยใช้ระยะเวลาการชาร์จประจุแฟลชที่เต็มไฟเพียง 6 วินาที (เมื่อใช้แบตเตอรี่แบบ Ni-MH) สามารถใช้งานได้ 100-2,000 ครั้ง ส่วนไฟLEDจะเปิดได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง ให้อุณหภูมิสีที่ 5500 เคลวิล มีค่าความเที่ยงตรงสีที่ CRI 95 เรียกว่ามีความเที่ยงตรงของสีสูงมาก
หากต้องการลดกำลังให้อ่อนลงอีกก็สามารถใช้เทคนิคการBounceเข้ามาช่วยได้ หรือถ้าต้องการให้แสงนุ่มนวลขึ้นก็นำฟิลเตอร์Diffuserเสียบเข้าไปที่หน้าแฟลช(A2)ช่วยกรองแสงอีกชั้นก่อน สำหรับนักถ่ายภาพที่ชื่นชอบการย้อมสีแฟลช Flash Qก็จัดมาให้ 6 สี ได้แก่ สีม่วง สีน้ำเงิน สีเขียว สีเหลือง สีส้ม และสีแดง เลือกใช้ตามความเหมาะสมเลย
และนี่ก็เป็นคุณสมบัติของ Flash Q รุ่นนี้ เชื่อว่าหลายท่านคงคลายข้อสงสัยเรื่องระบบการทำงานไปได้ ส่วนรายละเอียดเรื่องการเชื่อมต่อ การชาร์จพลังงาน ต้องฝากติดตามในครั้งต่อๆไปรับรองว่ามีข้อมูลแบบเจาะลึกเตรียมไว้ให้แล้ว…
FLASH Q รุ่น Q20 II มีความทันสมัยไม่แพ้กล้องถ่ายภาพในการออกแบบช่องเสียบสำหรับชาร์จพลังงานแบตเตอรี่เป็นแบบ Micro-USB ซึ่งความพิเศษ คือ มีช่องเสียบทั้งที่ตัวรับสัญญาณ (Receiver) และตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) สามารถชาร์จผ่านคอมพิวเตอร์ พาวเวอร์แบงค์ หรือเสียบปลั๊กไฟบ้าน ทำให้มีความสะดวกสบายในการสำรองไฟให้เต็มแต่ละครั้ง
ระยะเวลาในการชาร์จ ?
Flash Q แบ่งเป็นสองส่วนการชาร์จจึงใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน
โดยตัว Transmitter ที่มีแบตฯ Li-ion Battery ในตัวจะใช้เวลา 1.5 ชั่วโมงจึงจะชาร์จเต็ม ในขณะชาร์จจะแสดงสถานะไฟสีแดง และเมื่อชาร์จเต็มไฟจึงจะดับลง
ส่วนตัว Receiver จะใช้ถ่านขนาด AA แบบที่เราคุ้นเคยจำนวน 2 ก้อน ถ้าใช้แบบ Rechargeable Ni-MH ความจุ 2500mAh จะใช้เวลาชาร์จ 4.5 ชั่วโมงต่อรอบ ขณะชาร์จไฟแสดงสถานะจะเป็นสีแดง และเมื่อชาร์จเสร็จไฟสถานะจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว นับเป็นจุดเด่นทำให้ไม่ต้องพกแท่นชาร์จของถ่าน AA ไปด้วย เพราะรังถ่านเปรียบเสมือนเป็นแท่นชาร์จไปในตัวแล้ว
ในกล่องจะมีสายชาร์จแบบสองหัวมาให้สำหรับชาร์จพร้อมกันได้ แต่ก็สามารถหาสายชาร์จที่มีหัวแบบเดียวกันแยกชาร์จได้เนื่องจากหัวแบบ Micro-USB เป็นรูปแบบสากลที่นิยมใช้กันทั่วไป
สำหรับข้อแนะนำคือ เมื่อไม่ใช้แฟลชเกินสัปดาห์ ควรถอดแบตเตอรี่ (ถ่าน) ออกจากตัวแฟลช เพื่อป้องกันปัญหาแบตเตอรี่ที่ไม่มีคุณภาพเกิดอาการของเหลวรั่วออกมากระทบต่อระบบอิเล็คทรอนิคส์ของแฟลชได้
FLASH Q รุ่น Q20 II มีความโดดเด่นด้านการใช้งานในแบบไร้สาย ทั้งระบบตาแมว (Slave) และระบบคลื่นวิทยุ (Radio Slave Flash Trigger) ที่รองรับการเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 8 ตัว ส่งสัญญาณได้ไกล 10 เมตร เห็นตัวเล็กแต่สเปคใหญ่เร้าใจจริงๆ นะ !!
แฟลชเชื่อมต่อไร้สายอย่างไร ?
Flash Q มีระบบตาแมว 2 โหมด คือ S1 และ S2 โดยสัญญาณตาแมวรับแสงถูกติดตั้งไว้บริเวณด้านหน้าใกล้ไฟLED คอยแสงกระตุ้นให้ทำงานพร้อมกล้องเมื่อกดชัตเตอร์
– โหมด S1 แฟลชจะทำงานทันทีเมื่อมีแสงมากระตุ้นตาแมว
– โหมด S2 แฟลชจะทำงานต่อเมื่อตาแมวถูกกระตุ้นครั้งที่สอง พร้อมการลั่นชัตเตอร์ของกล้องในการใช้ระบบ Pre-Flash หรือแฟลชแก้ตาแดง
ส่วนระบบคลื่นวิทยุที่แยกเป็นตัวส่ง (Transmitter) กับตัวรับ (Reciever) จะมีการเชื่อมต่อสัญญาณ (Pair) มาจากโรงงานแล้ว พร้อมใช้งานได้ทันทีครับ แต่หากต้องการเชื่อมต่อเพิ่ม หรือเชื่อมต่อใหม่ ก็สามารถทำได้ดังนี้
1. เปิดสวิทช์การทำงานของทั้งคู่ก่อน
2. กดปุ่มคู่ด้านหลังของตัวส่ง พร้อมกันประมาณ 3 วินาที จนมีไฟสีฟ้ากะพริบ
3. จากนั้นกดปุ่มสัญลักษณ์คลื่นวิทยุที่ตัวรับค้างไว้ 3 วินาที ระบบจะทำการจับคู่สัญญาณกันแบบอัตโนมัติ (มีไฟสีฟ้ากะพริบ)
4. เมื่อเชื่อมต่อสัญญานเสร็จ จะสามารถสั่งปรับเพิ่ม-ลดกำลังไฟ หรือสั่งทดสอบไฟได้จากตัวส่งสัญญาน ไม่ต้องเดินไปกดเองที่ตัวแฟลช (มีตัวรับสัญญาณติดตั้งแบบ Built-in ในแฟลช)
ใครที่มองหาแฟลชเล็กๆ ไปใช้กับกล้องตัวเล็กๆ คู่กัน อย่ารีรอรีบมาจับจองนำไปใช้สร้างสรรค์งานให้เกิดความสุข และความสนุก ตามที่คิดไว้กันนะครับ…
FlashQ รุ่น Q20 II เหมาะกับการใช้งานทั้งภาพนิ่ง และงานคลิปวิดีโอที่กำลังเป็นที่นิยมในทุกวันนี้ เพราะมีความอเนกประสงค์ด้านการใช้งานหลากหลาย เช่น ต้องการถ่ายภาพมาโครดอกเห็ดที่มักอยู่ในที่มืด หรือแสงน้อย คุณก็สามารถเปิดไฟ LED สำหรับช่วยส่องโฟกัสภาพแทนไฟฉายได้เลย รวมถึงช่วยให้เห็นทิศทางของแสงแฟลชที่จะตกกระทบวัตถุได้แบบใกล้เคียงที่สุด เนื่องจากไฟ LED เองก็อยู่ในตำแหน่งที่ติดกับไฟแฟลช ด้วยขนาดที่กะทัดรัดของ Q20 II จะถือด้วยแฟลชมือ หรือติดไว้กับขาตั้งกล้องก็สะดวก (ใต้ตัวแฟลชมีเกลียวขนาดมาตรฐาน 1/4″ ในตัว) การที่มีติดกับขาตั้งกล้อง หรืออุปกรณ์อื่นๆ มั่นคง ยังมีส่วนช่วยให้การเปิดแสงเพื่อบันทึกวิดีโอมีความนิ่ง ไม่แกว่งไปมารบกวนสายตาขณะรับชมเปิดคลิปวิดีโอ
LED LIGHTING มีดีอะไร ?
Q20 II แบ่งระดับการควบคุมแสงสว่างจากไฟ LEDได้ถึง 7 ระดับ ตั้งแต่ 1/64 ถึงเต็มไฟ ตัวหลอดไฟให้ค่าความสว่างสูงสุด 60 LUX โดยมีค่าดัชนีชี้วัดความถูกต้องของสี หรือ CRI (Color Rendering Index) เที่ยงตรงมากถึง 95 โดยค่านี้มีตั้งแต่ 0-100 โดยอ้างอิงจากแสงอาทิตย์ ยิ่งค่านี้ตัวเลขสูงก็ย่อมแสดงว่าสีของวัตถุที่ตามองเห็นเป็นสีจริงตามธรรมชาติมากที่สุดนั่นเอง
เปิดใช้งานได้นานเท่าไร ?
เมื่อใช้แบตเตอรี่แบบ Rechargeable Ni-MH ความจุ 2500mAh (ขนาด AA จำนวน 2 ก้อน) เปิดไฟส่องสว่างได้ต่อเนื่องนาน 1 ชั่วโมง ต่อรอบการชาร์จ หากต้องการแสงมากกว่าหนึ่งทิศทางก็สามารถเพิ่ม เพื่อนำมาใช้งานร่วมกันได้ตลอด
นับว่า FlashQ รุ่น Q20 II มีความทันสมัย ออกแบบมารองรับกับการทำงานในปัจจุบันได้อย่างลงตัว ในราคาน่าคบหามากๆ ช่างภาพที่ต้องการหาแฟลชที่มีคุณสมบัติแบบ 2in1 ต้องลองพิจารณา FlashQ รุ่นนี้เป็นลำดับแรกๆ ได้เลยครับ…
FLASH Q รุ่น Q20 II สามารถเปลี่ยนแสงสีขาวให้เป็นแสงสีได้ และเปลี่ยนแสงแข็งให้เป็นแสงนุ่มได้ ด้วยฟิลเตอร์ที่เป็นอุปกรณ์เสริมมีมาให้พร้อมในกล่อง ประกอบด้วย ฟิลเตอร์สีม่วง สีน้ำเงิน สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดง และฟิลเตอร์Diffuser มีลักษณะเป็นแผ่นสีเหลี่ยมขนาดเท่าหน้าหัวไฟแฟลช แต่จะมีส่วนที่ยื่นออกมาสำหรับให้จับเสียบฟิลเตอร์เข้า-ออกได้ถนัดมือ ซึ่งจุดนี้ออกแบบได้ดีบรรจุไว้ในซองเก็บอย่างดี
ใช้งานตอนไหน ?
คงไม่มีข้อจำกัดใดมาหยุดพลังการสร้างสรรค์ของคุณได้ ฟิลเตอร์สีสามารถหยิบมาช่วยเติมแต่งสร้างสีสันให้แก่ภาพตามจินตนาการไม่ว่าจะถ่ายภาพบุคคล ผลิตภัณฑ์ ดอกไม้ หรือแมลง ได้เสมอ จากภาพตัวอย่างเป็นการเพิ่มแสงมาจากด้านหลังร่วมกับแสงธรรมชาติ เหตุผลที่ใช้แฟลชส่องจากด้านข้างเยื้องไปด้านหลังเนื่องจากตัวกบมีสีเข้มจึงตั้งใจให้สีเขียวปรากฏในบริเวณนั้น เพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมรอบๆที่กบอาศัยอยู่ ซึ่งเวลาที่ใช้ฟิลเตอร์แสงแฟลชจะมีความสว่างลดลงเล็กน้อย คุณสามารถชดเชยแสงหรือเพิ่มกำลังไฟได้
การดูแลรักษา ?
ฟิลเตอร์ทำจากเนื้อพลาสติกใสอาจเกิดรอยได้แต่ไม่มีผลต่อภาพ หากมีคราบสกปรกสามารถใช้ผ้าเปียกหมาดๆเช็ดทำความสะอาดได้ และเมื่อใช้งานเสร็จก็เก็บใส่ซองใสให้เรียบร้อย เพียงเท่านี้อุปกรณ์ก็จะรองรับการทำงานของคุณได้แบบคุ้มค่าคุ้มราคา…